เผยภาพความยิ่งใหญ่ อุตสาหกรรมสปาไทย เน้นการพัฒนา ผลักดัน และสนับสนุนให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสปาและสุขภาพระดับอาเซียน และระดับสากล
สมาคมสปาไทย โดยความร่วมมือของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จัดงานแถลงข่าว “Thailand Spa and Well-being Summit & Awards 2019” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสปาไทย ในการเตรียมพร้อมสนับสนุน และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมสปา และสุขภาพระดับอาเซียน และสากล ที่มาพร้อมการประสานการทำงานอย่างมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ มาตรฐาน ตลอดจนการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ออกมาเป็นรูปธรรม ส่งเสริม และสนับสนุนการศึกษา ให้เกิดการเติบโตของธุรกิจสปาในท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป
กรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย เปิดเผยในงานแถลงข่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมสปาของประเทศไทย สมาคมสปาไทย จึงได้ดำเนินการจัดการสัมมนาวิชาการที่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นปีแรกในการจัดสัมมนาวิชาการสัญจรไปในภาคเหนือ โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระจายโอกาสการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ และสร้างศักยภาพทางการแข่งขันด้านการให้บริการกับอุตสาหกรรมสปาในพื้นที่ ซึ่งมีอัตลักษณ์ชัดเจนทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน คือ วัฒนธรรมล้านนา จึงเป็นที่มาของธีมการจัดงานในปีนี้ คือ “Sustainability of Health and Heritage” หรือ “การส่งเสริมสุขภาพบนมรดกแห่งวัฒนธรรมเพื่อความยั่งยืน”
ซึ่งงานสัมมนาวิชาการ Thailand Spa and Well-being Summit 2019 จะจัดขึ้นในระหว่าง วันพุธที่ 27 และวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ณ ห้องคุ้มคำหลวง โรงแรมคุ้มพญารีสอร์ทแอนด์สปา เซ็นทาราบูติกคอลเลกชั่น จ.เชียงใหม่ กิจกรรมนี้จะช่วยให้เกิดมุมมองใหม่ๆ ในธุรกิจสปา ต่อยอดองค์ความรู้ โดยเฉพาะ ภูมิปัญญาไทยในการสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย ตลอดจนให้ชาวต่างชาติได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมไทย ด้านการดูแลสุขภาพ และการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรใกล้ตัวของคนไทย ที่มีการสืบทอดมานานนับศตวรรษ
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญในงานนี้ คือ สมาคมสปาไทยและสมาคมสปาจากทุกภาค จะร่วมกันทำปฏิญญาเพื่อรณรงค์ ลด เลิก การใช้พลาสติกในสถานประกอบการสปาทั่วประเทศ และให้ผู้ประกอบการสปาเข้าใจและคำนึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในอนาคตอันใกล้ที่จะส่งผลเสียต่อชีวิต สุขภาพ และความเป็นอยู่ของประชาชน อีกทั้งยังช่วยกันรักษาธุรกิจสปาและสุขภาพของคนไทย ให้ครองความเป็นที่หนึ่งและยั่งยืนคู่กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยต่อไป
นอกจากกิจกรรมสัมมนาวิชาการแล้ว ในช่วงค่ำ ของวันพฤหัสบดี ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ทางสมาคมสปาไทย ยังจัดให้มีการมอบรางวัลมาตรฐานอุตสาหกรรม Thailand Spa & Well-being Awards 2019 กับผู้ประกอบการธุรกิจสปา อีกหนึ่งกิจกรรม โดยรางวัลจะแยกออกเป็น 13 ประเภท ประกอบด้วย รางวัลประเภทนวัตกรรรมทรีตเมนต์สปา (INNOVATIVE SPA TREATMENT) รางวัลประเภทความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบสปา (CREATIVE SPA DESIGN) รางวัลประเภทผลิตภัณฑ์ธรรมชาติดีเด่น (NATURAL PRODUCT) รางวัลประเภทผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค (ORGANIC PRODUCT) รางวัลประเภทผลิตภัณฑ์สปา (SPA PRODUCT LINE – PROFESSIONAL) รางวัลประเภทผู้ให้การศึกษาด้านสปา – บุคคล (SPA EDUCATOR) รางวัลประเภทแบรนด์ผลิตภัณฑ์สปา (SPA BRAND – RETAIL) รางวัลประเภทสปาใหม่ (NEW SPA) รางวัลประเภทเอกลักษณ์สปาไทย (TRADITIONAL THAI EXPERIENCE) รางวัลประเภทอเมซิ่งเดย์สปา (AMAZING DAY SPA) รางวัลประเภทอเมซิ่งโฮเทลสปา (AMAZING HOTEL SPA) รางวัลประเภทอเมซิ่งรีสอร์ทสปา (AMAZING RESORT SPA) และรางวัลประเภทอเมซิ่งเวลเนสเซ็นเตอร์ (AMAZING WELLNESS CENTER) ซึ่งทุกรางวัลที่กล่าวมาข้างต้น ไม่เพียงจะเป็นการเชิดชู และยกย่อง บริษัท ผู้ประกอบการธุรกิจสปา และนวดไทย ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และกระตุ้นให้คนในธุรกิจสปา นวดไทย ได้เกิดการพัฒนาศักยภาพ ให้เพิ่มขึ้น เท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจสปาและนวดไทย ให้เป็นที่ยอมรับ ในระดับสากล อีกด้วย ซึ่งทุกรางวัล ที่กล่าวมาข้างต้น จะจัดให้มีการมอบรางวัล ณ ลานสนามหญ้า โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์สปา จ.เชียงใหม่”
ทั้งนี้ นอกจากกิจกรรมของสมาคมสปาไทย อีกหนึ่งผู้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมที่สำคัญครั้งนี้ คือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) กำลังดำเนินการจัดกิจกรรมยกระดับ และเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมสปาไทย 2562 หรือ “CREATIVE SPA & WELLNESS THAILAND 2019 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ธุรกิจสปาสร้างสรรค์ ไปพร้อมๆ กับร่วมแชร์ความคิดเห็น และประสบการณ์ด้านธุรกิจสปา อีกทั้งเป็นการกระตุ้นแนวทางการสร้างจุดขายใหม่ของผลิตภัณฑ์ หรือ บริการสปา ที่จะช่วยการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาคภารบริการเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยวของไทย โดยกิจกรรมนี้จะเป็นการเปิดรับสมัครผู้ประกอบการธุรกิจสปาและนวดไทย เข้าอบรมให้ความรู้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมธุรกิจสปา เวลเนส และนวดไทย ที่มีอายุธุรกิจ 3 ปีขึ้นไป โดยการอบรมจะจัดขึ้นใน 3 พื้นที่หลักของประเทศ คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และ ภูเก็ต อย่างไรก็ดี กิจกรรมทั้งหมด ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่เพียงจะตอกย้ำว่า “ประเทศไทย” คือผู้นำธุรกิจสปาของอาเซียน และสากลเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดที่จะช่วยกันผลักดันให้ “นวดไทย” เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมองค์การยูเนสโก (UNESCO) เพื่อให้ “นวดไทย” กลายเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ที่จะให้ทั่วโลก รู้จัก และสัมผัสได้ถึงคุณค่าแห่งภูมิปัญญาไทย ที่สืบทอดกันมายาวนานกว่า 600 ปี อีกด้วย